ดูหนังก็อตซิลล่า ดูหนัง หนังใหม่ Full HD ถูกลิขสิทธิ์ 2024
ดูหนังก็อตซิลล่า ท่าทีจะประตูบานใหญ่ที่ตั้งหัวใจเปิดออกสู่ “Monsterverse” ดูเหมือนจะมีวี่แววไม่ดีเสียแล้ว กับโปรเจกต์สำคัญของค่ายลีเจนดาปรี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่คาดหวังจะมีจักรวาลเป็นของตนเอง ด้วยการซื้อคำสัญญาร่วมกับโตโฮ บริษัทผลิตภาพยนตร์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของตัวประหลาดยักษ์มากในจักรวาลก็อดสิลล่าของเขา ที่มีประวัติช้านานมาตั้งแต่สมัย 60s ภายหลังจากปูทางมาตั้งแต่ Godzilla (2014) ตลอดมาถึง Kong : Skull Island (2017) และจากนั้นก็ฉวยโอกาสเปิดตัวเต็มๆว่านี่เป็นการเปิดจักรวาลตัวประหลาดยักษ์ ด้วยการดึงเหล่าตัวประหลาดยักษ์ของโตโฮมาโชว์โฉมกันมากมายทั้งยังก็อดสิลล่า , คิงกิโดราห์ , ม็อธร่า รวมทั้ง โรดัน แถมยังมีอีกหลายตัวที่มาเดินโชว์โฉมแม้กระนั้นมิได้มีการชี้แนะชื่อให้ได้ทราบจะ
ดูหนังก็อตซิลล่า หนังสืบต่อเรื่องราวจาก Godzilla
ตามระยะเวลาจริง หนังเว้นห่างกัน 5 ปี เหตุในหนังก็ห่างกัน 5 ปี ภายหลังการปรากฏตัวของ ก็อดสิลล่า วิทยาการของหน่วยงานโมนาร์ชก็ปรับปรุงขึ้น สามารถค้นพบยักษ์ยักษ์ที่หลบอยู่ตามมุมต่างๆของโลกได้ถึง 17 ตัว รวมทั้งข้างในตอน 5 ปีนี่ ดร.เอ็มม่า ก็สามารถปรับปรุงเครื่องไม้เครื่องมือซึ่งสามารถสร้างคลื่นความถี่ซึ่งสามารถติดต่อกับยักษ์ยักษ์ได้ เรียกเครื่องไม้เครื่องมือนี้ว่า “ออการ์” ในขณะที่ใช้ออการ์ติดต่อสื่อสารกับม็อธร่า โจนาห์ อลัน หัวหน้าทีมผู้ก่อวินาศกรรมก็มาชิงออการ์แล้วก็จับกุม ดร.เอ็มมา กับเมดิสัน บุตรสาวไป ดูหนังก็อตซิลล่า รวมทั้งใช้ออการ์สำหรับในการปลุกอสุรียักษ์ทั่วทั้งโลก ทำให้ก็อดสิลล่าจำเป็นต้องลุกขึ้นยืนมาอีกที เพื่อกำราบเหล่าอสุรียักษ์ทั่วทั้งโลก รวมทั้งหนึ่งในนั้นเป็น คิงกิโดร่า มังกร 3 หัว คู่อริตลอดไปของก็อดสิลล่า ที่รอบนี้เล่นเอาพี่ก็อดแทบห่วยแตกอยู่บ่อยครั้ง
ภายหลังจาก Godzilla
ก็มีเสียงพร่ำบ่นจากผู้ชมว่าได้มองเห็นตัวก็อดสิลล่าไม่เพียงพอไม่จุใจเลย ทางค่ายก็ยอมรับฟังเสียงจากผู้ชม มาถึง Godzilla: King of the Monsters ก็เลยจัดให้แบบหนำใจกันไปเลย หนังปูเรื่องเพียงแต่ 10 นาที บรรดายักษ์ยักษ์ก็ทยอยกันแสดงตัว พี่ก็อดก็ออกมาพะบู๊กันตั้งแต่ต้นเรื่องไปเลย ทำให้บรรยากาศของภาคนี้มองไกลห่างจาก Godzilla (2014)ไปๆมาๆก แม้นี่เป็นหนังภาคต่อเนื่องกัน จากภาคที่แล้วมองเห็นก็อดสิลล่ากันแบบวับวามแวมๆมืดๆภาคนี้ก็เลยมายืนจังก้าให้มองเห็นกันเต็มๆไป เน้นย้ำขายเหล่ายักษ์ยักษ์ตีกันแบบขมักเขม้น ถึงแม้ว่าในเทรลเลอร์พูดว่าโมนาร์ชศึกษาและทำการค้นพบอสุรียักษ์ทั่วทั้งโลก 17 ตัว แต่ว่าก็มีหน้าที่จริงๆเพียงแค่ 4 ตัวหลักเป็น ก็อดสิลล่า , คิงกิโดราห์ , ม็อธร่า รวมทั้ง โรดัน เพียงแค่นั้น ที่เหลือก็เดินผ่านกล้องถ่ายรูปให้มองเห็นเพียงแค่ 2-3 ฉาก
โทนหนังของภาคนี้คงจะประทับใจผู้ชมในกรุ๊ปเด็กชาย ที่ถูกใจตัวประหลาดยักษ์เสียมากกว่า
เพราะเหตุว่าบรรยากาศหนังออกไปแนวอุลตร้าแมนมากมาย จากภาคก่อนๆที่วางหน้าที่ของก็อดสิลล่าให้เป็นอสูรกายยักษ์สมัยดึกดำบรรพ์ซุกตัวอยู่ใต้สมุทรลึก เพื่อหนีห่างจากมนุษย์โลก ตัวก็อดสิลล่ายังมีความลี้ลับน่าสะพรึงกลัวให้สัมผัสได้ ในโทนที่ใกล้เคียงกับบรรดาไดโนเสาร์ในแฟรนไชส์ Jurassic Park ครั้งใดก็ตามเสนอแนะไดโนเสาร์ประเภทใหม่ ก็จะต้องลุ้นกับภาพลักษณ์แล้วก็พิษสงของมัน แม้กระนั้นกับบรรดาอสุรียักษ์ใน Godzilla: King of the Monsters กลับปราศจากความลึกลับน่าสะพรึงกลัวเหลือให้สัมผัสเลย แต่ละตัวราวกับตัวประหลาดในหนังอุลตร้าแมนที่ออกมาตบตีกันตุ้บตั้บ แล้วมีท่าหมัดเด็ดด้วยการกระจายแสง เป็นภาคที่พาเหล่ายักษ์ยักษ์ยกฐานะไปไกลจนกระทั่งไม่อาจความเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ให้มองเห็นอีกต่อไป ฉากที่บรรดายักษ์ยักษ์ตีกันก็เพียงพอรื่นเริงดี ถูกใจที่สุดเป็นฉากโรดันต่อสู้กับเรือบินรบเป็นฉากที่ยาวและก็สนุกสนาน ดูหนังก็อตซิลล่า
แม้ว่าจะทำใจไว้แล้วว่านี่เป็นหนังอสูรกายที่สร้างโดยฮอลลีวู้ด จะต้องปล่อยวางเรื่องตรรกะความจริงให้สูงที่สุด แม้กระนั้นในเนื้อหาของหนังเรื่องความเกี่ยวพันของนักแสดง ความนึกคิดการตัดสินใจของผู้แสดง ที่เกิดเรื่องร้ายแรง ก็ตามมองไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง ทั้งปวงจะต้องชี้นิ้วไปที่ผู้เดียวเป็น ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ผู้กำกับที่เหมาหน้าที่เขียนบทเองด้วย กับการเพิ่มนักแสดงบุคคลเข้าไปอีกมากมายในหนังที่มีอสุรียักษ์วิ่งกันเต็มหน้าจอไปหมดอย่างงี้ ผู้แสดงมนุษย์หลายๆตัวก็มองใส่เข้ามาให้เกินจำเป็น
แม้กระนั้นภาคนี้ดึงผู้แสดงจากภาคที่แล้วมาแทบครบ แล้วยังเพิ่มนักแสดงใหม่ๆ
เข้าไปอีกทั้ง จางสิยี่ , โอเชียร์ แจ็คสัน รวมทั้ง ชาร์ล แดนซ์ ที่แต่ละคนก็เล่นกันด้วยอารมณ์หน้านิ่วคิ้วขมวดแบบเดียวกันหมด พอเพียงเพิ่มเรื่องราวของฝั่งมนุษย์ก็เลยเปลี่ยนเป็นความรู้สึกหนักใจที่จะจำเป็นต้องแบ่งน้ำหนักเฉลี่ยมาให้บรรดานักแสดงมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากดราม่าที่มิได้สร้างอารมณ์ร่วมเลยถึงแม้เพียงแค่นิด ฉากการเสียสละชีวิตของผู้แสดงหลักก็ใส่เข้ามาตามสูตรสำเร็จในหนัง ตามขนบธรรมเนียมประเพณีหนังภัยพินาศ ฉากดราม่าบิดามารดาลูกก็เช่นเดียวกันตามสูตรเป๊ะที่จะจำต้องเห็นใจกันท่ามกึ่งกลางภัยอันตราย บทเมดิสัน ของไม่ลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ ยังคงเอกลักษณ์ของผู้แสดงเด็กผู้หญิงในหนังภัยอันตรายที่เป็นตัวสร้างภาระหน้าที่ความอลหม่านในหนังจำพวกนี้ กรี๊ด กรี๊ด
สำหรับหนังในแนวนี้ที่ชื่อยังสปอยล์ให้ผู้ชมทราบคำตอบกันตั้งแต่ชื่อว่าผู้ใดกันเป็นผู้ชนะ ดังนั้นบทภาพยนตร์เป็นสิ่งจำเป็นอันดับที่หนึ่ง ว่าจะเล่าราวที่ผู้ชมทราบบทจบอยู่แล้ว ให้สนุกสนาน เชิญลุ้น น่าติดตามได้เช่นไร ก็จะต้องจัดว่า ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ยังไม่ใช่ผู้กำกับที่เหมาะสมกับหนัง 200 ล้านประเด็นนี้ แล้วก็เป็นตัวอย่างด้านลบต่อกระแสความนิยมชมชอบของบริษัทหนังในตอน 10 – 20 ปีข้างหลังมานี่ ที่ถูกใจดึงผู้กำกับที่บรรลุผลสำเร็จจากหนังเทศกาล หนังฟอร์มเล็กแล้วได้เงิน ให้มากำกับหนังทุนสูงระดับบล็อคบัสเตอร์ ซึ่งหลายท่านก็บรรลุเป้าหมาย เชิญชวนให้ชื่นชอบประธานค่ายที่มีสายตาเฉียบคมแล้วก็กล้าเสี่ยง ได้ผู้กำกับมือใหม่ไฟแรงมีวิสัยทัศน์ใหม่ๆโดยไม่ต้องไปจ่ายผู้กำกับมือเก๋าค่าตอบแทนแพงๆยกตัวอย่างให้มองเห็นอย่าง สก็อตต์ เดริคสัน จาก sinnister ก็ไปควบคุม doctor Strange , เจมส์ วาน จาก The Conjuring ก็ได้ไปควบคุม Fast 7 , ไรอัน จอห์นสัน จาก Looper ก็ได้ไปดูแลโคตรหนังอย่าง Star Wars: Episode VIII – The Last Jedi หรือหากแม้ แต่ว่า มึงเร็ธ เอ็ดเวิร์ดจาก Godzilla (2014) ก็มาจากหนังสายรางวัล Monster (2010) แม้กระนั้นกับ ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ผู้กำกับหัวข้อนี้ เคยส่งผลงานมาเพียงแค่ Krampus ,trick ‘r Treat เป็นหนังที่มิได้ประสบผลสำเร็จทั้งยังด้านรายได้รวมทั้งรางวัล แม้กระนั้นทางค่ายก็โยนโปรเจกต์ระดับ 200 ล้านให้ทำ ผลก็ออกมาอย่างงี้ล่ะขอรับ
Godzilla: King of the Monsters เหมาะสมลากลูกลากหลานเข้าไปมองอสูรกายยักษ์ตีกัน 2 ชั่วโมงกว่าๆห้ามมุ่งมาดความเป็นเหตุเป็นผลของรายละเอียด อย่าคิดตามการตัดสินใจของนักแสดง มองโรงปกติก็เพียงพอ ไม่ต้อง 3 มิติ มิได้เพิ่มอรรถรสอะไรก็ตามให้กับหนังเลย หนังมีเบื้องหลังเครดิต 1 ตัว ปูทางไป Godzilla vs. Kong ที่วางระบุฉายไว้ปีต่อไป หากหัวข้อนี้ได้ตังค์อ่ะนะ ดูหนังฟรีพากย์ไทยเต็มเรื่อง
ที่เอาการนี้มารีทิวทัศน์ก็เนื่องจากว่าส่วนตัวก็เป็นลูกค้าทรูอยู่แล้ว เพียงพอเลื่อนๆ
ก็ไปพบหนังหัวข้อนี้ขอรับ แม้คนใดที่ลังเลอยู่ก็สามารถมาอ่านรีวิวของนักเขียนสำหรับการประกอบสำหรับเพื่อการตกลงใจก็ได้นะครับ เรื่องราวที่คนเขียนสรุปมามีดังนี้ หน่วยงานโมนาร์ชที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตสมัยก่อนที่จะปัจจุบันนี้เรียกว่าไคจู ซึ่งประกอบไปด้วยตัวหลักๆดังต่อไปนี้ ก็อตสิลล่า กิโดร่า โรดินแดน มอธร่า ซึ่งมีอยู่มาวันหนึ่งมีกลุ่มของผู้คนที่คิดจะจัดสมดุลโลกอีกรอบโดยใช้เหล่าไคจูที่นอนหลับอยู่ เรื่องราวก็โดยประมาณนี้ครับผม จำนวนมากหนังเน้นย้ำไปที่การต่อสู้กันของไคจูมากยิ่งกว่าเรื่องราว หากจะมองเอาสนุกนี่คงเป็นหนังที่ตอบปัญหามากมายๆถ้าหากเอาเนื้อก็แปลงเรื่องได้เลย หนังประเด็นนี้อาจไม่ตอบปัญหาเท่าไร
แต่ว่าพอสมควรหนังในตอนแรกส่วนตัวผมก็มีความรู้สึกว่าน่ารำคาญจนกระทั่งเผลอหลับไปบ้างก็มีขอรับ แต่ว่าเพียงพอเข้าไปตอนกลางของหนังภายหลังจากปลุกเหล่าไคจูแล้ว หนังก็บันเทิงใจมากยิ่งขึ้นครับผม การเซ็ตฉากในหนังนี่ก็จัดว่าทำเป็นดีเลิศๆเหมือนจริงสุดๆแต่ว่าบางฉากก็ทำผมน้ำตาคลอเบ้าได้เลยครับผม ส่วนนี้อยากให้คนอ่านไปดูในหนังเองมากกว่านะครับ สิ่งที่ประทับดวงใจสุดๆก็คงเป็นฉากการต่อสู้ของเหล่าไคจูนี่ล่ะที่เป็นตัวชูโรง โดยยิ่งไปกว่านั้นคู่ก็อตสิลล่ากับกิโดร่าที่สู้กันดุดันมากมายๆจนกระทั่งเกือบจะลืมกระพริบตาเลยขอรับ ดูหนังก็อตซิลล่า
ส่วนซีจีในหนังประเด็นนี้ไม่ต้องชี้แจงเลยนะครับ เนียนตามากๆยิ่งเหล่าไคจูนี่ไม่มีลอยเลยแม้กระทั้งนิด ฉากเมืองต่างๆก็เนียนตาราวกับ ถ้าหากเทียบกับหนัง มาเวลประเด็นนี้ซีจีชนะขาดลอย ยิ่งเนื้อหาบนตัวไคจูนี่ไม่ต้องบอกเลย เกล็ดเป็นเกล็ด ซีจีมันดีกระทั่งเสมือนเหล่าไคจูในหนังมันมีชีวิตจริงๆอย่างไรแบบนั้นล่ะขอรับ
Godzilla 2014 ถือได้ว่าเป็นการพา “พี่ก็อตจิ” มาแก้ตัวต่อชาวโลกของฝั่งฮอลลิวูด
ภายหลังจากภาคปี 1998 โดนสาปแช่งไปไม่น้อย โดยยิ่งไปกว่านั้นออกแบบของตัวก็อตสิลล่า ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็มิได้เป็นหนังที่ห่วยนัก อีกทั้งบันเทิงใจอยู่พอสมควร รวมทั้งหลายๆภาคส่วนก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันทำนองว่า “ถ้าเกิดมันมิได้ชื่อว่า Godzilla คงมีคนยกย่องตัวหนังมากยิ่งกว่านี้” สะท้อนให้มองเห็นถึงความเป็นไอคอนนิคของตัวก็อดสิลล่าเองซึ่งมีภาพติดตาเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ยืน 2 ขาร่างกายล่ำสันท่อนหัวคล้ายไอ้เข้ รวมทั้งที่สำคัญจำต้องปลดปล่อยลำแสงได้ ด้วยเหตุนี้แล้วทางฮอลลิวูดโดย Warner รวมทั้ง Legendary ก็เลยขอแก้ตัวอีกรอบด้วย Godzilla 2014 ซึ่งตัวก็อดจิถูกปรับวางแบบบางส่วนแต่ว่ายังคงเค้าโครงอันเป็นภาพจำของแฟนคลับไว้อย่างสมบูรณ์ จนถึงแปลงเป็นวางแบบ Godzilla ที่ทุกคนให้การเห็นด้วย และก็ดูดีเป็นลำดับต้นๆในกลุ่มออกแบบก็อดสิลล่าร่วมกันอย่างยิ่งจริงๆ (ส่วนตัวรู้สึกว่านี่เป็นวางแบบที่เพอร์เฟคสุดของก็อดสิลล่า)
ท้ายที่สุดเป็น Godzilla 2014 ไปถึงเป้าหมายพอเหมาะพอควร จนถึงโปรเจค Monsterverse ของทาง Warner เป็นรูปร่างมากเพิ่มขึ้น ก่อนตามมาด้วย Kong: Skull Island และก็ King of the Monsters ในฐานะภาพยนตร์ลำดับ 3 ของจักรวาล Monsterverse โดยสิ่งที่แปรไปจากภาคแรกเป็นภาคนี้ถูกวางเป็นภาพยนตร์ Monster Rumble เต็มแบบ ไม่ถูกเซ็ตติ้งจากภาคแรกที่มองเป็นภาพยนตร์ครึ่งๆภัยที่เกิดขึ้นจากธรรมชาตินิดๆ
ถ้าหากคนใดถูกใจภาคปี 2014 บางครั้งอาจจะรู้สึกผิดหวังไม่มากมายก็น้อย ด้วยเหตุว่าบรรยากาศลึกลับ
พลางผสมความน่าหวาดหวั่นของ “สัตว์ยักษ์ล้างโลก” ได้ถูกสลายไปหมดเกลี้ยง ไม่มีการวับวามแวมๆให้ได้ตกใจกลัวอีกต่อไป หรืออารมลุ้นว่าก็อดสิลล่าจะทำอะไรกับมนุษย์ไหมก็สลายไปเหมือนกัน ด้วยเหตุว่าภาคนี้แบ่งขั้ว ผู้แสดงนำชาย-คนร้าย กันอย่างแจ่มแจ้ง ทั้งยังพาร์ทของคนแม้ว่าจะต่อยอดรวมทั้งดูดีขึ้นหน่อย แต่ว่าช่วงเวลาเดียวกันก็ทวีความไม่น่าสนใจเป็นเงาตามตัว หลายๆครั้งผมทดลองปล่อยตัวปล่อยใจไปกับหนังก็เริ่มเข้าใจในการกระทำหรือความประพฤติของนักแสดงได้ส่วนหนึ่ง ถึงอย่างงั้นอารมณ์ก็จะโดนผลักด้วยไดอาล็อกบทสำหรับพูดแปลกๆอยู่เสมอ เหมือนว่านึกไม่ออกว่าจุดนี้ผู้แสดงควรจะบอกว่าอะไรดี ก็ยัดๆบทสำหรับพูดงงงันๆเข้ามา เป็นมุขบ้างก็บ่อย แม้กระนั้นมีความคิดว่าระดับที่พอเพียงขำเป็นจริงเป็นจังนี่แทบนับครั้งได้ โดยเหตุนั้นแล้วให้ทำใจไว้ก่อนว่าถึงหนังจะเป็นภาคต่อของปี 2014 แต่ว่าการวางตัวของมันก็จำต้องกล่าวว่าไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป